![ครูทีช](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/ครูทีช-scaled.jpg)
“
การสอนให้เด็กมีความสุขสำคัญมาก
เพราะส่งผลต่อทัศนคติ โดยเฉพาะกับวิชาเรียน
ถ้าเขามีความสุข ก็อยากเรียนและทำคะแนนให้ดีขึ้น
และต่อยอดเพื่อพัฒนาอนาคตต่อไปได้
แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันด้วยข้อจำกัด
เช่น ภาระของครู ก็ทำให้บางวิชาอาจมีแต่สั่งงาน
หรือเวลาเรียนก็ต้องจดตามทฤษฎี
ไม่มีการกระตุ้นการเรียนรู้ เด็กก็อาจจะเบื่อ
และเรียนไม่สนุก
“
![223191](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/223191.jpg)
![223192](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/223192.jpg)
ครูบัวพิม พัชณิดา เทือกถา ครูในโครงการ “ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์” ที่มุ่งขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านการสร้าง “ผู้นำ” จากคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นและมีความสามารถ หรือที่เรียกว่า “ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ถือเป็นอีกหนึ่งในภาคีที่เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ “ร้อยพลังการศึกษา”
ครูบัวพิม สะท้อนให้เห็นว่า ห้องเรียนที่ดีไม่ได้เน้นแค่พัฒนาเด็กให้เป็นคนเก่ง แต่ที่สำคัญ คือ เด็กต้องมีความสุขในการเรียน การอยู่ร่วมกันในห้องเรียน และสนุกที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกัน
คำถามคือ แล้วเราจะสามารถจัดการห้องเรียนแห่งความสุขได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้เด็ก รวมถึงครูผู้สอนมีความสุขจากการจัดการเรียนรู้ และสร้างห้องเรียนให้เป็น “ห้องเรียนแห่งความสุข” อย่างแท้จริง
ครูบัวพิม ตอบได้อย่างเต็มอก หลังจากที่ผ่านการสอนเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่โรงเรียนบ้านด้ายเทพกาญจนาอุปถัมภ์ จังหวัดเชียงราย ในวิชาภาษาอังกฤษ ระดับชั้นมัธยมต้น เธอไม่เพียงได้ร่วมเปลี่ยนชีวิตเด็ก แต่ยังได้พัฒนาศักยภาพของตนเองและเข้าใจปัญหาการศึกษาของสังคมไทยอีกด้วย
“
พูดภาษาอังกฤษผิด
เท่ากับโง่?
”
เมื่อถามถึงสูตรการสอน เธอบอกว่าตั้งต้นจากประสบการณ์ช่วงระยะเวลาหนึ่งในวัยเด็กที่เคยเรียนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล และไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควร กระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาในเมืองจึงมีพัฒนาภาษาอังกฤษได้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าภาษาเปิดโอกาสในชีวิตมากแค่ไหน เมื่อมาเป็นครูจึงต้องการสร้างโอกาสให้กับเด็กๆ
เธอตั้งเป้าหมายว่าต้องทำลายกำแพงของเด็กที่มีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติที่ว่า “พูดภาษาอังกฤษผิด เท่ากับโง่” ให้เป็นการเรียนภาษาอังกฤษที่มีความสุข สนุก และทำให้เห็นว่าวิชานี้สามารถสร้างโอกาสให้กับชีวิตได้ขนาดไหน แน่นอนว่า “ก้าวแรก…มักยากเสมอ”
“แรกๆ รับมือยาก เพราะครูไม่เคยพูดหน้าชั้น ไม่เคยจัดการห้องเรียน อาจจะด้วยไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้มาโดยตรง และในช่วงที่เทรนด์นิ่งกับโครงการ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ก็จะเป็นออนไลน์ทั้งหมด พอมาเจอเด็กจริงๆ ที่มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ไม่อยากเรียนภาษาอังกฤษ คิดว่ายาก คิดว่าถ้าพูดผิดเท่ากับโง่ ครูก็เลยอยากเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาใหม่ เพราะจะยั่งยืนกว่าเมื่อถึงวันที่ครูไม่ได้สอนพวกเขาแล้ว เด็กๆ ก็ยังสามารถไปหาความรู้ได้เองจากอินเตอร์เน็ต เพราะพวกเขาตั้งต้นว่าเรียนมีความสุข สนุก เกิดความรักในการเรียนภาษาอังกฤษแล้ว”
![223197](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/223197-1-e1688100019489.jpg)
![223193](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/223193.jpg)
เทคนิคของครูบัวพิม เธอบอกว่าเริ่มจากการสอนคำศัพท์พื้นฐาน โดยประยุกต์เกมเข้าไปกับการเรียนด้วย ขณะที่การสอนแกรมม่าที่ใครๆ บอกว่าแสนจะน่าเบื่อ ครูก็ไปหาบทเพลงมาประกอบการสอน และกระตุ้นเชิงบวกไปพร้อมกัน
“เวลาสอนแกรมม่า นักเรียนจะไม่ชอบ เลยลองเอาเพลงมาประกอบ เช่น ถ้าเรียนหลักการใช้ Past Tense ก็เอาเพลงที่เกี่ยวข้องมาช่วย เพื่อทำให้เด็กรู้ว่าแกรมม่าไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น โดยครูก็จะไปค้นหาในอินเตอร์เน็ต หรือหาไอเดียจากครูทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ด้วยกัน ส่วนการสอนที่ต้องมีการฝึกพูด การใช้คำศัพท์ หรือคำสั่งต่างๆ ครูก็จะมีการกระตุ้นเชิงบวก อย่างเช่น ให้สะสมแสตมป์ ถ้าคนไหนมีพฤติกรรมที่ดีก็จะได้แสตมป์ไปสะสมหรือมีของรางวัล เช่น กล่องสุ่ม ขนม ลูกอม เพิ่มคะแนน พอเรานำวิธีแบบนี้มาร่วมในการสอนเด็กก็อยากเรียนมากขึ้น”
ครูบัวพิมยกเคสตัวอย่างของนักเรียนคนหนึ่ง ที่ถึงขั้นเกลียดภาษาอังกฤษมากๆ เลยก็ว่าได้ กระทั่งการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้น แม้ระดับคะแนนของเขาจะไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ความพยายามมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งก็เพราะได้เข้ามาในห้องเรียนแห่งความสุขนี้
“เด็กคนหนึ่งเคยยอมรับว่าเกลียดภาษาอังกฤษ พอไปดูคะแนนก็ได้เกรด 0 แล้วยังติด ร. อีก แต่พักหลังเขาเปลี่ยนไปมาก ทำการบ้าน ส่งงานก่อนเพื่อนเลย แถมพอเขาเรียนแล้วเข้าใจก็จะไปสอนเพื่อนต่อ ที่น่าภูมิใจมากๆ คือ เขามาบอกครูว่าจะเรียนต่อ และจะเลือกเรียนด้านภาษาอังกฤษด้วย”
ฟีดแบ็คอีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนว่าการจัดการเรียนการสอนให้เด็กมีความสุขเป็นไปตามเป้าหมาย ก็คือ การที่เด็กนักเรียนชอบภาษาอังกฤษมากขึ้น
“ล่าสุดคุณครู ม.4 บอกว่าเด็กที่จบจากชั้นเรียนของเราไป เขาชอบภาษาอังกฤษมากขึ้น อย่างน้อยก็มีเด็กจำนวนหนึ่งอยากไปเรียนต่อในสายศิลป์เพิ่มขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าพอเด็กไม่ชอบภาษา เขาก็ไม่อยากเรียนในสายนี้กัน หมายความว่า เด็กได้เปลี่ยนทัศนคติที่ดีขึ้น ก็เป็นเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แต่แรก”
![223196](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/223196.jpg)
![223166](https://www.yuvabadhanafoundation.org/wp-content/uploads/2023/06/223166.jpg)
บทสนทนาในชั้นเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันในการวางพื้นฐานความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข การสร้างบทสนทนาและการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นผ่านการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน สามารถทำได้หลากหลายวิธีการ วิธีหนึ่งคือ “การให้กำลังใจ”
“เราใช้เครื่องมือสร้างสรรค์มาเปลี่ยนห้องเรียนให้มีความสุข สนุกมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีการให้กำลังใจนักเรียนด้วย เพราะบางคนก็ยังคิดว่าภาษาอังกฤษยาก เรียนไม่ได้ ครูก็พยายามให้กำลังใจว่าเขาทำได้ ให้มีความภูมิใจในตนเอง เวลาเรียนออกมาได้ดี ครูจะชื่นชม”
นี่คือประสบการณ์ตรงของคุณครูเกี่ยวกับการจัดการในชั้นเรียนให้เป็น “ห้องเรียนแห่งความสุข” ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในทิศทางใหม่ของการเรียนรู้ของศตวรรษที่ 21 เชื่อว่าคุณครูทุกคนก็ปรารถนาให้นักเรียนมีความสุขกับการเรียนรู้ ยิ่งสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ส่งผลต่อความสุขมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของนักเรียนก็จะแสดงออกมาให้เห็นมากขึ้นเท่านั้น