ช่วงปิดเทอมครั้งสุดท้ายของการเป็นนักเรียนก่อนจะเข้าสู่โลกของการเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย คุณทำอะไร?
สำหรับน้องนาย-ภูผา อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์จังหวัดสุโขทัย ที่เพิ่งจะจบการศึกษาชั้น ม.6 เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ในชีวิตวัยเรียนของน้องนายใช้เวลาอยู่ใน “วงปี่พาทย์” เพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นเป้าหมายในทุกวันๆ ของเขา คือการฝึกฝนดนตรีปี่พาทย์ด้วยจิตวิญญาณและความมุ่งมั่น เพื่อออกทำการเเสดงปี่พาทย์ร่วมกับสมาชิกในวงตามงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวงปี่พาทย์ในงานศพ
โดยทั่วไปแล้ว “ระนาด” ถูกเปรียบให้เป็นเหมือนพระเอกของวง ก็เพราะเสียงระนาดคล้ายกับเป็นผู้ที่คอยนำทิศทางวง โดยที่มีเครื่องดนตรีอื่นดำเนินทำนองตาม แต่ระนาดจะบรรเลงเปล่งเสียงให้ผู้คนได้ยินได้ฟังนั้นก็ต้องอาศัยผู้ที่อยู่เบื้องหลังผืนระนาดนั้นก็คือ “มือระนาด” แน่นอนคนนั้นก็คือ น้องนาย ซึ่งการได้ออกไปฝึกซ้อมดนตรีปี่พาทย์ โดยมีสมาชิกคนอื่นรอบข้างบรรเลงเครื่องดนตรีไปพร้อมกันอย่างลงตัว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะหมดวันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
เด็กชายคนนี้ถูกขัดเกลาด้วยเสียงดนตรีในวงปี่พาทย์มาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 – ม.6 ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เพราะความยากจน จึงต้องหางานพิเศษทำนอกเวลาเรียน ซึ่งก็คือเล่นดนตรีในวงปี่พาทย์ตามงานต่างๆ มีรายได้เริ่มตั้งแต่ 100 – 300 บาท เพื่อนำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายภายในครอบครัวและในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการช่วยลดภาระของครอบครัวด้วย
“เล่นระนาดในวงปี่พาทย์ตั้งแต่ ม.1 ได้ออกงานในชุมชน งานบวช งานศพ ช่วงแรกได้เงินครั้งละ 100 บาท ต่อมาก็พัฒนาขึ้นตามอายุ ปัจจุบันได้เงิน 300 บาทต่อครั้ง ผมจะแบ่งเวลากับการเรียน ถ้ามีงานต้องไปเล่นดนตรีตอนเย็นหลังเลิกเรียน ช่วงเช้าหรือกลางวันผมจะทบทวนบทเรียน แต่ละเดือนมีงานไม่เกิน 2 งาน แต่จะต้องซ้อมทุกวัน รู้สึกมีความสุข ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์”
นอกจากนี้ ปู่-ย่า ที่คอยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจะเป็นผู้คอยผลักดัน อบรมให้เป็นคนดี เขายังได้รับการสั่งสอนและส่งเสริมจาก “ครูเคียง” ครูสอนวิชาดนตรีและประวัติศาสตร์ เป็นทั้งผู้ชักนำให้เข้ามาในวงปี่พาทย์ และเป็นแรงบันดาลใจที่สามารถใช้เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต ครูเคียงทำให้ค้นพบว่า เขาชอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์และวิชาดนตรีมากขนาดไหน สิ่งสำคัญก็คือ ทำให้เข้าใจว่าแม้จะมีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะความยากจน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหมดพลังที่จะผลักดันตัวเองไปสู่ความสำเร็จ
น้องนายมาจากครอบครัวฐานะยากจน ความฝันที่จะได้รับการศึกษาสูงสุดอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เด็กชายคนนี้คิดต่างออกไป เขามองเห็นว่ามหาวิทยาลัยเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะพลิกชีวิตให้ดีขึ้น และโชคดีที่ได้รับทุนการศึกษาจาก “มูลนิธิยุวพัฒน์” ตั้งแต่ ม.1 จนเรียนจบชั้น ม.6 และกำลังเตรียมพร้อมกับการเป็นนักศึกษาเต็มตัวในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ในสาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์
“ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ทุนการศึกษา ดีใจที่มีคนสนับสนุนเพื่อให้ผมได้มุ่งมั่นทำตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เด็กที่อยากจะรับราชการเป็นครู เพราะมองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง จะได้มีเงินมาช่วยเหลือครอบครัว อีกอย่างต้องการเอาความรู้ที่ได้มาสอนเด็กๆ ถือเป็นการมอบโอกาสให้กับพวกเขา เหมือนกับที่ผมเคยได้รับทั้งจากครูเคียงที่คอยบอกคอยสอน และผู้ใหญ่ใจดีทุกคนที่มอบทุนการศึกษาทำให้ผมมีอนาคตที่ดี”
วันนี้เด็กชายคนนี้กำลังจะก้าวผ่านประตูแห่งโอกาส เข้าสู่รั้วที่ใฝ่ฝันในการจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือแห่งความก้าวหน้าเพื่อสักวันหนึ่งเขาจะได้มีอาชีพ “ครู” ตามที่ตั้งใจเอาไว้ และจะได้สร้างอนาคตที่มั่นคงและดูแลครอบครัวให้มีความสุขและกลับมาสานต่อวงปี่พาทย์สิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเขาให้ยังคงดำเนินต่อไปในวันข้างหน้า…