วชิรากร หรือ “บูม“ หนุ่มนักเรียนสาขาวิจิตรศิลป์ นักเรียนทุนสายอาชีพจังหวัดนครสวรรค์ มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน การแยกทางของพ่อแม่ ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับย่าเเละพี่ชาย ทั้งที่มีข้อจำกัดของชีวิต แต่ก็แฝงไปด้วยประกายแห่งความฝันใน “งานศิลปะ”
จุดเริ่มต้นความรักในศิลปะมาจากการประกวดวาดรูปเมื่ออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในงานวันวิสาขบูชาของโรงเรียน แม้ผลงานการวาดรูปในครั้งแรกออกมาไม่สวยงามมากนักจนถูกเพื่อนรุ่นพี่หัวเราะ ทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก แต่เหตุการณ์นั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ฝึกฝนการวาดรูปอย่างมุ่งมั่น
ด้วยความพยายามฝึกฝนฝีมือการวาดรูป โดยเริ่มจากการวาดตามแบบจากหนังสือต่างๆ ในห้องสมุดของโรงเรียนอยู่เป็นประจำ เมื่อถึงการประกวดวาดรูปในงานลอยกระทงปีเดียวกัน ผลงานของน้องบูมได้รับรางวัลชนะเลิศ จากนั้นเขาก็สานต่อเส้นทางนักวาดรูปด้วยการเป็นตัวแทนร่วมประกวดวาดรูปในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 อีกหลายครั้ง
เมื่อเรียนในระดับมัธยม บูมต้องหันไปโฟกัสเรียนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากขึ้น ทำให้ต้องพักการวาดรูปชั่วคราว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความสนใจในศิลปะเลือนหายไป เมื่อได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่ปัจจุบันเป็นผู้สอนศิลปะด้านประติมากรรม จึงทำให้หันมาสนใจศิลปะแขนงนี้และได้รับการส่งเข้าร่วมแข่งขันทางด้านนี้บ้าง แม้ผลงานจะยังไม่โดดเด่นนักในช่วงแรก ๆ ก็ตาม
หลังจากนั้นในช่วงมัธยมปลาย บูมเลือกเรียนสายอาชีวศึกษา สาขาวิจิตรศิลป์ ซึ่งเป็นสายการเรียนที่ถนัดและชอบ ผลงานล่าสุดที่ประสบความสำเร็จคือการได้รับรางวัลอันดับที่ 4 จากผลงานหัวข้อ “สีสันตรุษจีนนครสวรรค์” โดยมีผู้เข้าร่วมประกวดกว่า 100 คน แรงบันดาลใจของผลงานนี้ เขาได้จากประสบการณ์จริงที่ลงพื้นที่ไปร่วมงานเทศกาลตรุษจีน จากการศึกษาความหมายและสีสันที่ได้พบเจอ
ก่อนจะลงมือบูมวาดร่างไว้หลายแบบ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงถึงบรรยากาศสนุกสนาน มีความคึกคัก สีสัน พร้อมทั้งสัญลักษณ์สำคัญอย่าง สิงโตและมังกรที่เป็นไฮไลท์ของเทศกาล เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้น้องบูมประทับใจมากขึ้น เมื่อมีชาวต่างชาติได้เห็นผลงานวาดรูปของเขาในงานตรุษจีนนครสวรรค์ จึงติดต่อเพื่อขอซื้อภาพวาด เนื่องจากชื่นชอบผลงานการวาดรูปของเขา
บูมจึงได้วาดภาพขึ้นมาใหม่เเละได้ค่าตอบเเทนจำนวน 2,000 บาท เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีชาวต่างชาติติดต่อมาซื้อผลงานผ่านทางเฟซบุ๊กอยู่เรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและมีเสน่ห์ดึงดูดในผลงานศิลปะ ซึ่งเป็นกำลังใจอย่างมากสำหรับการสานฝันต่อไป
อีกหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของบูม คือการที่ได้มีโอกาสวาดรูปให้กับศิลปินนักร้อง “โจ๊ก โซคูล” ที่เขาชื่นชอบและฟังเพลงมาตั้งแต่สมัยประถมศึกษา โดยได้นั่งวาดรูปขณะที่พี่โจ๊ก (นักร้อง) กำลังแสดงคอนเสิร์ตที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พี่โจ๊กได้กล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจและดีใจมากที่ได้เจอไอดอลตัวจริงที่เขาชื่นชอบ
ไม่ว่าจะประสบกับอุปสรรคใดก็ตาม เขายังคงมุ่งมั่นฝึกฝนตนเองอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความรักและหลงใหลในศิลปะที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุด ระหว่างที่รอเข้าเรียนในระดับวิทยาลัยเพาะช่าง สาขาประติมากรรมลายไทย ปัจจุบันบูมทำงานพิเศษเป็นพนักงานส่งของเพื่อหารายได้มาประคับประคองตนเอง ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งความฝันในการเรียนด้านศิลปะ ด้วยการรับวาดรูปซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าทำมาตั้งเเต่ยังเรียนอยู่ ปวช. เพื่อสะสมเงินไว้เป็นค่าเล่าเรียน แม้จะเป็นเพียง “งานอดิเรก” ที่ไม่ได้ทำทุกวัน แต่ก็มีผู้คนให้การสนับสนุนเเละสร้างรายได้พิเศษให้กับเขา
“ช่วงแรกที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายสำหรับชีวิตของผม“
น้องบูมเล่าย้อนไปถึงประสบการณ์จากอดีต แม้ครอบครัวจะไม่สามารถสนับสนุนทางการศึกษาให้ได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ยอมแพ้และตั้งมั่นไว้เสมอว่า… การศึกษาและอาชีพด้านศิลปะคือจุดหมายปลายทางชีวิต
แรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนบูมให้สานฝันต่อไปก็คือการได้รับ “ทุนการศึกษา” บูมบอกว่าถ้าไม่มีทุนการศึกษาที่ได้รับจากมูลนิธิยุวพัฒน์ คงจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถมาถึงจุดนี้ได้ ทุนเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างมาก ไม่ใช่เพียงค่าอุปกรณ์ ค่าพาหนะ และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นกำลังใจให้สามารถต่อยอดความรู้ได้อย่างมากมาย สะท้อนถึงความสำคัญของทุนการศึกษาต่อชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก
“ถ้าไม่มีทุนการศึกษา ผมคงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ รู้สึกขอบพระคุณผู้ให้ทุนที่มอบโอกาสทางการศึกษาและชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ผม“
เส้นทางข้างหน้าน้องบูมกำลังก้าวสู่ชั้นปริญญาตรีในสาขาปฏิมากรรมลายไทย แม้จะบอกตรงๆ ว่ายังไม่ถนัดลายไทยนัก แต่ก็เชื่อว่าอีก 4 ปีข้างหน้า พรสวรรค์และทักษะของตนจะพัฒนาก้าวหน้าขึ้นได้มาก หากทุ่มเทอย่างเต็มที่ ขอแค่มีความมุ่งมั่นและทุ่มเททั้งหมด ฝันของการเป็นช่างปั้นลายไทยก็จะสามารถบรรลุผลได้ในวันข้างหน้า
ด้วยความเเน่วเเน่ของ “บูม วชิรากร” หวังว่าจะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีของน้องๆ นักเรียนนักศึกษา และเด็กๆ วัยรุ่น ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและข้อจำกัดในชีวิต หากมองว่ามันคือ “พลัง” ในการไขว่คว้าสิ่งที่รักและใฝ่ฝัน ซึ่งล้วนเป็นบทเรียนชีวิตในการฝ่าอุปสรรคจากความยากจนสู่โอกาสแห่งการศึกษาและได้ตามฝันในสายอาชีพที่หลงใหล