Site icon มูลนิธิยุวพัฒน์

อาชีวะเรียนสายตรงสู่เส้นทางอาชีพ 3 อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพกับความมุ่งมั่น ความฝันและอนาคต

 “สายอาชีพ” หรือ ระบบการเรียน “อาชีวศึกษา” คืออีกหนึ่งสายการเรียนที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะที่ตรงกับงานหรืออาชีพที่อยากทำ จบไปแล้วหางานได้เร็วและมีงานรองรับเยอะ จึงเป็นเหตุผลที่เด็กขาดโอกาสหลายคนเลือกเรียน เพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าสนใจในทักษะอาชีพใด และแน่นอน คือ อยากรีบหารายได้เพื่อมาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของครอบครัวโดยเร็ว

วันนี้จึงขอพาไปทำความรู้จักกับ 3 อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพของมูลนิธิยุวพัฒน์ พวกเขามีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเลือกเรียนสายอาชีพก็คือ ได้ความรู้และประสบการณ์ มีรายได้ระหว่างเรียน มีทักษะวิชาชีพติดตัว สามารถเลือกเรียนได้หลากหลาย ได้รับความนิยมจากตลาดแรงงาน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และความต้องการตลาดแรงงานในประเทศจำนวนมากที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่จำนวนผู้จบออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการ

และตอนที่คุณกำลังอ่านบรรทัดนี้ น้องทั้ง 3 คน
กำลังมุ่งมั่นทำงานเพื่อทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จอยู่

น้องศิริพร อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ จบชั้น ปวช.3 ประเภทวิชาคหกรรม สาขาอาหารและโภชนาการ จังหวัดตรัง เธอฝันไว้ว่าต้องมี “ร้านขนม” เล็กๆ สไตล์วินเทจ ชื่อ “ร้านอิ่มหมี” เป็นของตัวเอง

เธอเริ่มต้นฝันถึงร้านขนมตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจเรียนคหกรรม ในฝันนั้นความใหญ่โตของร้านไม่ได้มีผล เท่าไหร่นัก แค่ต้องการทำฝันให้สำเร็จนี่คือสิ่งที่ไม่อาจวัดค่าได้

 “ความฝันนี้ต้องสำเร็จแน่นอน เพราะหนูเป็นคนทำอะไรแล้วทำจริง ถ้าไม่สำเร็จจะไม่หยุดทำ”

น้องศิริพรตัดสินใจเรียนคหกรรม เพราะความชอบในการทำอาหารตั้งแต่เด็กๆ เรียกได้ว่าเธอเป็นแม่ครัวประจำบ้านเลยก็ว่าได้ อีกทั้งเพราะฐานะทางบ้านยากจน จึงคิดว่าการเรียนสายอาชีพน่าจะทำให้ได้ทำงานเร็วขึ้น และได้เดินสู่เส้นทางอาชีพตนเองฝันเอาไว้

“หนูเลือกเรียนสายอาชีพเพราะจะได้ออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว และทำตามฝันของหนูเร็วๆ ข้อดีของสายอาชีพ คือ หนูได้ลงมือปฎิบัติจริง ได้ประสบการณ์ อย่างตอนฝึกงานหนูเลือกไปฝึกที่ร้านทำขนมซึ่งก็ได้นำความรู้ที่เรียนมาใช้ประโยชน์ได้จริงค่ะ”

ไม่แตกต่างจาก น้องเกศินี อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ จบชั้น ปวช.3 สาขาพาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ วิชาเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาในจังหวัดนครปฐม เลือกเรียนสายอาชีพเพราะทำให้มีโอกาสได้งานมากกว่า ทำให้รู้ว่าถนัดอะไร ชอบอะไร จบมาแล้วจะทำงานอะไร

“เรียนสายอาชีพได้ความรู้และได้ลงมือปฎิบัติ ได้ประสบการณ์ทำงานจริงๆ ที่สำคัญทำให้ได้ออกมาทำงานหาเงินเร็วขึ้น เพราะชีวิตของหนูเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่เรียน ป.6 ตอนเรียนหนูได้นำความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ที่เรียนมารับจ้างตกแต่งรูปถ่ายให้เพื่อนๆ เป็นการหารายได้เสริมระหว่างเรียนด้วย การทำงานจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตหนูไปแล้ว ยิ่งจบมาได้งานทำเร็วยิ่งดีมากๆ”

ปัจจุบันน้องเกศินีทำงานที่โรงงานผลิตเครื่องสำอางแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เธอก็ยังคิดหารายได้เสริม เช่น ขายของออนไลน์ เพื่อเลี้ยงครอบครัวและทำตามฝันของตัวเองให้สำเร็จก็คือ “การได้เรียนต่อ”

“ชีวิตของหนูมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะทุนการศึกษาจากทุกคน หนูตั้งใจว่าจะใช้ความรู้ที่มีปรับใช้ในการทำงานและจะพยายามเก็บเงินให้ได้เยอะๆ เพราะต้องการเรียนต่อและในอนาคตจะต้องส่งเสียน้องคนเล็กเรียนหนังสือ อีกทั้งพ่อกับแม่ก็อายุมากขึ้น จึงจะต้องมีเงินสำรองเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่หากเจ็บไข้ได้ป่วย”

น้องสุภาพร อดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ จบชั้น ปวช.3 วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก มหานคร สาขาอุตสาหกรรม วิชาเอกเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง ปัจจุบันทำงานบริษัทบรรจุภัณฑ์แห่งหนึ่ง

สาเหตุที่เลือกเรียนสายอาชีพ เพราะชอบงานช่างมาตั้งแต่เด็กๆ แถมยังมีคุณลุงเป็นแรงบันดาลใจอีกด้วย เพราะลุงของเธอทำงานเก่ง แม้จะเรียนมาน้อย แต่ก็มีความมุมานะ ความพยายามขวนขวาย เรียนรู้ด้วยตัวเอง จนมีอาชีพเป็นช่างไฟฟ้าตามไซต์งานก่อสร้าง หาเงินมาเลี้ยงเธอและน้องๆ รวมทั้งครอบครัวด้วย เธอบอกว่าตอนเด็กๆ มักจะช่วยลุงต่อไฟ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเป็นประจำ

“เลือกเรียนสายอาชีพเพราะทำให้รู้เป้าหมายของตัวเองชัดเจนว่าต้องการทำอาชีพอะไร ได้ทำงานจริง ทำงานไว เพราะหนูต้องดูแลครอบครัวและส่งน้องๆ เรียนหนังสือ อย่างงานที่หนูทำก็จำเป็นต้องใช้หลักในการคำนวณในการเขียนแบบบรรจุภัณฑ์เหมือนกัน”

ฝันของน้องนุ่นอาจดูธรรมดาแต่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอมาก นั่นคือ ต้องการทำงาน หาเงินได้เยอะๆ ซื้อบ้านให้ตากับยายอยู่ และส่งน้องเรียนสูงๆ ส่วนเธอด้วยใจรักและมีความมุ่งมั่นต่อวิชาชีพจะพยายามทุ่มเทอย่างหนักในการทำงาน เพื่อให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นและมีอาชีพที่มั่นคงต่อไปในอนาคต

 “หนูจะพัฒนาและหาความรู้เพื่อขยับจากเขียนแบบบรรจุภัณฑ์เป็นเขียนแบบโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้น เช่น บ้าน หรืออาคารที่อยู่อาศัยซึ่งซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้หากเป็นไปได้จะเรียนต่อแน่นอน”

เรื่องราวของน้องๆ 3 คนซึ่งเป็นอดีตนักเรียนทุนสายอาชีพ ถือเป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กๆ ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ต้องการทำงานเร็ว และถ้ามีโอกาสก็จะเรียนต่อ แน่นอนว่าโอกาสที่พวกเขาได้รับในวันนั้นจนทำให้มีวันนี้ ก็มาจากการมีส่วนร่วมของทุกคนที่ช่วยสนับสนุนโครงการทุนการศึกษาของมูลนิธิยุวพัฒน์ โดยการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้กับเยาวชนขาดโอกาส ซึ่งในสายอาชีพ มูลนิธิฯ มอบทุนการศึกษาในระดับชั้น ปวช. 1 – ปวช. 3  ปัจจุบันมีนักเรียนทุนสายอาชีพในความดูแลประมาณ 2,000 คน จากจำนวนนักเรียนทุนทั้งหมด 8,288 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2564) โดยจะได้รับทุนต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี เทอมละ 7,000 บาท หรือ เท่ากับปีละ 14,000 บาท โดยสาขาที่น้องๆ เรียนอยู่ อาทิ การบัญชี ช่างกล ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม คอมพิวเตอร์ธุรกิจ คหกรรม การเกษตร ฯลฯ

มีคำกล่าวว่า “เด็กในวันนี้คืออนาคตของประเทศไทยในวันหน้า แต่ก็ยังมีเด็กยากจนจำนวนมากกว่า 1.7 ล้านคน ที่ยังขาดโอกาสในชีวิต สะท้อนภาพใหญ่ของการศึกษาไทยว่า “ความเหลื่อมล้ำ” ไม่เคยหายไปไหน โดยเฉพาะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่สร้างผลกระทบให้กับผู้คนทั่วโลก สำหรับประเทศไทยยิ่งทำให้ภาพความเหลื่อมล้ำชัดเจนขึ้น

เพื่อยืนยันว่าพลังการมีส่วนร่วมของทุกคนจะทำให้ฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ มากไปกว่านั้นยังยังช่วยพัฒนาประเทศด้วยแรงงานฝีมือสายอาชีพ มูลนิธิยุวพัฒน์ x เทใจ x head100 จึงขอชวน “คุณ” มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสทางการศึกษาให้น้องอาชีวะได้เรียนจบสายอาชีพที่มีงานรองรับ หางานทำได้ทันที ในแคมเปญ “The Big Give การให้อาชีพ คือ การให้ที่ยิ่งใหญ่” ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา คลิก!

Exit mobile version