ปิดโครงการ Student Volunteer รุ่นที่ 1 – 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้องๆ นักเรียนอาสา ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาช่วยเหลือ ทั้งพูดคุย ให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษา เป็นการประคับประคองให้นักเรียนทุนทุกคนให้สามารถเรียนจนจบชั้น ม.6 และ ปวช.3 ได้

น้องๆ อาสาทุกๆ คน ก็ต่างมีความสุขที่ได้มาทำงานอาสาครั้งนี้ ทั้งได้ให้และได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ได้เรียนรู้เรื่องราวชีวิตของเยาวชนไทยที่ขาดโอกาสในอีกมุมหนึ่ง ได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมมาทำงานอาสาเพื่อช่วยสังคมอีกด้วย

มูลนิธิฯ ขอขอบคุณน้องๆ อาสาทุกคนที่สละเวลามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และขอบคุณทุกๆ คำแนะนำที่น้องๆ อาสาแนะนำมา เพื่อช่วยให้มูลนิธิฯ นำไปพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขในงานครั้งต่อๆ ไป

– บทสัมภาษณ์ Student Volunteer –
ที่มาบอกเล่าความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากการทำงานอาสาในครั้งนี้

บุราณี สุนทรโรหิต (บัว)
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ ม.6 ที่ประเทศแคนาดา
Student Volunteer รุ่นที่ 3

มาถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติงานอาสาระยะเวลา 2 เดือนเป็นอย่างไรบ้าง?
ก็ดีนะคะ ให้เรามาบอกถึงสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราได้รับ และได้บอกสิ่งที่หนูคิดว่าจะได้ช่วยพัฒนาเกี่ยวกับงานอาสาในครั้งนี้ และให้มูลนิธิฯ นำไปพัฒนาต่อให้ดีกว่าเดิม และได้มาให้กำลังใจพี่ๆ ที่ช่วยให้เราสามารถทำงานอาสาได้ถึง 61 ชั่วโมงด้วยค่ะ

รู้จักกับงาน Student Volunteer ได้อย่างไร
คุณแม่แนะนำมาค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนแม่จะเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ค่ะ แต่หนูก็ไม่แน่ใจนะคะ ตอนคุณแม่เห็นประชาสัมพันธ์โครงการนี้ค่ะ แม่ก็มาบอกว่าโครงการนี้น่าสนใจนะ ลองมาทำดูมั้ย แล้วก็หาข้อมูล เออ…น่าสนใจนะก็เลยสมัครและได้มาทำค่ะ ตอนเข้ามาปฐมนิเทศ ฟังพี่ๆ เล่า รู้เลยว่างานนี้มีประโยชน์กับเรามากๆ และมีประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วย ก็เลยยิ่งอยากทำเลยค่ะ

เคยทำงานอาสาในรูปแบบอื่นๆ มาก่อนมั้ย
เคยค่ะ ทำอยู่แคนาดา เพราะที่โรงเรียนจะมีประกาศอยู่บ่อยๆ ว่าวันนี้มีงานอาสานะ เช่น เวลาโรงเรียนมีการจัดงานหรือเลี้ยงอาหารผู้สูงอายุ เราก็จะช่วยเสริฟอาหาร ช่วยพูดคุยกับคุณตาคุณยาย หรือเป็นไกด์อาสาพาเด็กๆ ไปชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ช่วยดูแล ช่วยแนะนำเด็กๆ ประมาณนี้ค่ะ แต่ว่ายังไม่มีงานอาสาคุยโทรศัพท์แบบนี้ค่ะ หนูก็เลยสนใจงานนี้ เพราะที่นู้นยังไม่มีงานอาสาแบบนี้ งานอาสาส่วนใหญ่ที่ไปทำจะเป็นช่วงเวลา เช่น เวลา 09.00 – 10.00 น. มีงานอาสาจัดโต๊ะ จัดของ จัดเก้าอี้ หนูก็จะอาสาไปทำด้วย

ความแตกต่างแต่ละงานอาสาที่เราได้ไปทำ
แตกต่างค่ะ เพราะงานอาสาครั้งนี้เป็นภาพที่ใหญ่มากขึ้น เพราะเราได้ช่วยเด็กๆ แบบจริงจัง แต่ที่แคนาดาเราได้ช่วยเป็นงานๆ ไป เป็นแค่กลุ่มๆ หนึ่งที่ได้รับประโยชน์ แต่งานนี้หนูได้ช่วยคนทั่วประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคอีสาน จังหวัดนั้น จังหวัดนี้ หนูได้คุยกับน้องที่จังหวัดยะลาเลยนะคะ เราไม่เคยคุยกับเขา เราจะคุยได้ยังไง งานนี้ทำให้หนูรู้สึกว่าได้ช่วยคนจริงๆ บางคนแหลงใต้มาเลย คนเหนือก็อู้เหนือมาเลย เราก็เลยรู้สึกว่าได้ช่วยคนเยอะจริงๆ นะคะ

ได้พูดคุยกับเด็กไทยหลากหลายภาษาเป็นอย่างไร
หนูตื่นเต้นมาก กลัวเขาไม่เข้าใจที่หนูพูด ยิ่งพูดกับคนอื่นๆ เยอะๆ ยิ่งเป็นอะไรที่ท้าทายตัวเราเองไปอีก ว่า “ฉันจะพูดรู้เรื่องมั้ยเนี้ยะ” หนูก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะฟังหนูรู้เรื่องหรือเปล่า แต่หนูก็พยายามพูดในสิ่งที่เราคิดไว้และน่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเขาค่ะ

ตอนที่ได้พูดคุยกับนักเรียนทุนเป็นยังไง
มีการพูดคุยหลากหลายแบบเลยค่ะ บางคนอยากเรียน บางคนก็ไม่อยากเรียน ตอนนี้ไม่ว่างคุย บางคนก็กวนๆ กลับมาบ้าง แต่ก็มีเด็กน่ารักๆ เหมือนกันเล่าให้ฟังว่าตอนนี้เรียนดีมากเลยนะ ชีวิตเป็นยังไง เราไม่ต้องถามเขาเยอะ เขาเล่าให้ฟังหมดเลย ถามว่าเขาเข้าใจโครงการทุนการศึกษาหรือเปล่า เพราะหน้าที่ที่หนูมาทำคือให้นักเรียนทุนเข้าใจโครงการและรักษาสิทธิของตัวเองให้ได้ เพื่อให้เขาได้รับเงินทุนอย่างต่อเนื่องทุกๆ เทอม เมื่อเขาเข้าใจแล้ว เราก็จะพูดคุยเรื่องอื่นๆ ต่อ ชีวิตเป็นยังไง ผลการเรียนพอใจมั้ย ชอบเรียนมั้ย ประมาณนี้ค่ะ และน้องๆ เขาก็มีความสุขนะคะที่มีคนมาฟังเรื่องราวของพวกเขา

คำแนะนำที่เราให้เขามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
เราให้เท่าที่เราจะให้ได้นะคะ บางทีนั่งอ่านจดหมายที่เขาเขียนมา มีคนหนึ่งที่เขียนมาว่าลังเลใจระหว่าง 2 อาชีพ นักบินกับทนายความ สิ่งที่หนูคิดว่าจะพอให้เขาได้ก็คงเป็นแนวการเรียน เช่น ต้องเก่งวิชาอะไรบ้าง เพราะหนูเคยดูรายการหนึ่งทางทีวีว่าการจะเป็นนักบินต้องเรียนยังไง ก็เลยมาแนะนำเขาต่อ ส่วนทนายความเราก็ให้เขาสำรวจตัวเอง เป็นคนรักความยุติธรรมมั้ย ต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆ นะ เพราะทั้งสองอาชีพที่เขาอยากเป็นแตกต่างกันมาก หนูก็พยายามแนะนำตามความรู้ที่หนูมี ให้เขาเห็นว่าอาชีพเหล่านี้เป็นยังไงค่ะ ปัญหาบางอย่างที่เขาเจอและสอดคล้องกับที่หนูเคยเจอ เราก็จะบอกวิธีว่าเราผ่านเหตุการณ์นั้นมายังไง แล้วก็ชวนคุยเรื่องของวัยรุ่นทั่วไปค่ะ เพราะว่าบางเรื่องไปพูดคุยกับผู้ใหญ่แล้วท่านไม่เข้าใจ แต่ถ้าได้คุยแบบเพื่อนพูดคุยกับเพื่อนก็สนุกมากๆ เลยค่ะ

ความประทับใจที่ได้มาเป็น Student Volunteer ในครั้งนี้
สิ่งที่ทำให้หนูประทับใจ คือมีคนที่เขาได้รับประโยชน์จากเราไป เราได้เห็นวัฒนธรรมความต่างเพราะเราได้ไปเรียนที่อินเดียและแคนนาดา ทั้งสองประเทศนี้แตกต่างกันมาก แต่ประเทศไทยเราก็มีเหมือนกันนะ ที่มีนักเรียนหลากหลายระดับ ทำให้เราเห็นปัญหาและเราได้รับโอกาสที่ดีมาช่วยแนะนำพวกเขาว่า ต้องเรียนยังไง ไม่เก่งวิชานั้นวิชานี้ ลองปรับแบบนี้ดูสิจะทำให้เข้าใจมากขึ้นนะ เราได้แนะนำจากสิ่งที่เราเคยผ่านมา ถึงเราจะไม่ได้เก่งมากแต่เรามีเทคนิควิธีในการเรียนแต่ละวิชาที่ทำให้เราผ่านมาได้ เพราะบางเรื่องที่ง่ายๆ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ด้วยอุปกรณ์การเรียน สื่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่เขาไม่ได้มีพร้อมครบครัน ทำให้เราพร้อมที่จะแชร์สิ่งเขาควรจะได้ให้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้ที่เราทำมันมีค่านะคะ ทำให้น้องๆ ได้กำลังใจและได้ความรู้จากเราด้วย

ให้ฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ ที่อยากมาทำงานอาสาสมัคร
ตอนแรกเราอาจจะคิดว่าการทำงานอาสามันเหนื่อย ทำทำไม เราไม่ได้อะไร แต่ว่าก็ลองมาทำดูก่อนได้นะ อย่ากลัวงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาค งานง่ายๆ ลองทำให้หมดเลย เพราะว่าเรายังไม่เคยทำ เราจะรู้ได้ไงว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ลองๆ ไปก่อน อย่างหนูมาทำงานอาสาที่นี่ได้ลองกินไส้อั่วครั้งแรก ได้รับประโยชน์จากพี่ๆ ได้กินของที่ไม่เคยกินมาก่อน หนูคิดว่า Win Win นะคะ หนูประทับใจ ถ้าเราคิดว่าไม่ได้อะไรเราก็จะไม่ทำ แต่หนูอยากให้ลองนะคะ หนูมาทำงานอาสาที่นี่พี่ๆ เลี้ยงขนมตลอดเลย หนูเลยคิดว่าหนูต้องซื้อขนมมาให้พี่ๆ บ้างแล้วค่ะ

งานอาสาให้อะไรกับเราบ้าง
งาน Student Volunteer ทำให้หนูได้พัฒนาทักษะด้านการพูด การสื่อสาร ทำให้คนอื่นๆ ที่เราสนทนาเข้าใจเราง่ายขึ้น ได้มาเจอพี่ๆ ด้วย หนูประทับใจ ถ้ามีโอกาสหนูจะกลับมาทำอีกค่ะ

ฝากถึงน้องๆ นักเรียนทุนยุวพัฒน์
หนูได้อ่านจดหมายฉบับหนึ่งของน้องที่เขาเขียนมาว่า ต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำงาน เพราะมีน้องๆ อีกหลายคนในบ้านยังไม่ได้เรียน แต่เป็นเพราะมูลนิธิฯ ทำให้เขาได้มีเงินทุนการศึกษาแต่ว่าเงินทุนนี้เขาต้องเรียนและจะไม่ได้ทำงานช่วยพ่อแม่ เลยขอสละสิทธิไม่รับเงินทุนนี้ เพื่อออกไปทำงานช่วยพ่อแม่เลี้ยงน้อง หนูก็เลยเขียนกลับไปว่า เข้าใจนะที่เขายังไม่พร้อมที่จะเรียนเพราะต้องช่วยครอบครัวก่อน แต่ไปช่วยได้นะแต่เมื่อทำสำเร็จแล้วกลับมาเรียนต่อเถอะ เพราะตัวเขาเองก็มีความฝันว่าอยากจะเรียนให้จบ ตอนนั้นหนูไปปรึกษาพ่อด้วยค่ะ เล่าเรื่องจดหมายให้ฟัง พ่อก็บอกมาว่า กศน.ก็มีนะ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ได้ แต่หนูไม่รู้เรื่องระบบการศึกษานี้ ก็เลยเขียนเพิ่มอีกว่า ตอนที่น้องพร้อมแล้ว กลับไปเรียนต่อทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จนะ อย่างน้อยเขาจะได้มีกำลังใจ ไม่ใช่ว่าเรียนไม่ได้ก็จะไม่เรียนเลย ไม่ขวนขวายอีกเลย ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านสะดวกซื้อก็ได้ บางทีคนบางคนเขาเก่งนะแต่แค่ไม่พร้อม ถ้ามีโอกาสก็กลับมาเรียนเถอะ จะได้ช่วยกันพัฒนาเด็กๆ คนอื่น เพราะวันนี้มีแค่เรา 3 – 4 คนที่มาเป็นอาสาคงจะช่วยได้ไม่เยอะ แต่ถ้ามีน้องๆ ที่ได้รับโอกาสจากมูลนิธิฯ มาช่วยกันพัฒนาประเทศและช่วยคนอื่นๆ น่าจะมีอีกหลายๆ คนที่ได้รับประโยชน์พวกเราไปได้อีกเยอะเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเรียนเถอะค่ะ

ภิญญาพัชญ์ กุลยพรรธโนภาส (ไอมี่)
ปัจจุบัน : กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนบดินทรเดชาสิง สิงหเสนา 2
Student Volunteer รุ่นที่ 3

วันนี้มาถอดบทเรียนหลังจบการทำงานอาสาเป็นอย่างไรบ้าง
รู้สึกดีมากๆ เพราะหนูไม่ได้มาที่ 2 สัปดาห์แล้ว กลับมากี่ครั้ง พี่ๆ ทุกคนก็ยังน่ารักเสมอค่ะ

ทำงานอาสาได้ทั้งหมดกี่ชั่วโมง
หนูทำไปได้ทั้งหมด 30 ชั่วโมงค่ะ

รู้จักโครงการ Student Volunteer จากช่องทางไหน
จากเพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับงานอาสาค่ะ

เพราะอะไรถึงอยากมาทำงานอาสาติดตามนักเรียนทุน
หนูติดตามงานอาสาอยู่แล้วค่ะ พอเห็นงานนี้รู้สึกว่าเข้ากับเรา อายุที่รับสมัครอยู่ในช่วงวัยของหนูด้วย หนูก็เลยสมัครมาค่ะ เพราะงานอาสาโดยส่วนใหญ่จะเป็น ไปช่วยงานที่นั่นความคิดของหนู เราเลยไม่ได้คาดหวังและไม่เคยคิดเอาไว้เลยว่างานจะเป็นแบบไหน พอมาทำจริงๆ สนุกมากเลยค่ะ ถึงแม้เราจะนั่งอยู่กับที่ แต่ความสนุกมันคือเราได้ฟังเรื่องราวของแต่ละคน ถ้าเราโทรได้ 30 คนต่อวัน เราก็ได้ฟัง 30 เรื่องต่อวันไปเล่าสู่กันฟัง ไปพัฒนาต่อ ไปทำอะไรต่อได้อีกค่ะ

น้องคนไหนที่ได้พูดคุยแล้วทำให้ประทับใจ
มีน้องคนหนึ่งที่เขาจะพูดเยอะ เป็นข้อดีของเขานะคะ เพราะเขามาเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้เราฟัง แต่หนูจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ แต่การพูดคุยครั้งนั้นทำให้เรารู้สึกว่าเขาอยากมาคุยกับเรา อยากมาเล่าให้เราฟังจริงๆ แล้วก็มีตอนที่ได้คุยกับผู้ปกครองของน้องที่กำลังจะปิดบทสนทนาแล้ว เราก็ขอบคุณนะคะคุณแม่ที่ให้ข้อมูล ให้ความร่วมมือ แม่น้องก็พูดขึ้นมาว่า ขอบคุณทางมูลนิธิฯ เหมือนกันนะคะที่ให้การสนับสนุนน้องมาโดยตลอด แต่คุณแม่ขอบคุณยาวมากๆ หนูฟังแล้วมันชื่นหัวใจมากๆ เลยค่ะ วันนั้นคือ Made My Day ของหนูมากๆ

งานอาสาครั้งนี้ช่วยพัฒนาทักษะด้านไหนบ้าง
งานนี้เป็นงานที่เราต้องใช้การสื่อสาร สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ เราได้พัฒนาเรื่องการสื่อสารของตัวเอง การพูดคุย การเข้าสังคม การพูดคุยกับน้องๆ ยังไง ให้เขาอยากพูดคุยกับเรา น้องบางคนก็ให้เวลาเราได้แค่ 1 นาที แต่ถ้าเราเปลี่ยนวิธีการพูดนิดหน่อยก็ทำให้น้องเขาอยากมาคุยกับเราต่อ บางทียาวไปถึง 4 นาทีเลย แต่ก็เป็นการพูดคุยที่ยาวขึ้น ใช้เวลาที่นานกว่าเดิมค่ะ

ความสามารถที่เรามีช่วยอะไรน้องๆ ได้บ้าง
ก็เป็นเรื่องการศึกษาเลยค่ะ การเรียนต่อ เพราะน้องๆ ที่หนูได้พูดคุยจะเรียนอยู่ชั้น ม.3 ตอนที่เราถามเรื่องชีวิตประจำวัน การเรียนต่อ น้องเขาก็จะปรึกษาเราว่าเขาจะเรียนต่อด้านไหนดี ยังไม่รู้ว่าจะต้องเรียนอะไรต่อดี ในจดหมายก็มีเขียนมาด้วยนะคะเกี่ยวกับการเรียนต่ออะไรดี แต่เราก็ไม่ได้มีวุฒิภาวะมากพอ เรามีแค่ประสบการณ์ตอนเรียน ม.3 ผ่านขึ้นมาเรียนในชั้น ม.4 ได้ ก็เลยได้ใช้ประสบการณ์ของเราในวันนั้นมาบอกน้องเพื่อเป็นแนวทางให้น้องเขาไปคิดต่อค่ะ

ถ้าจะแนะแนวทางให้น้องชั้น ม.3 ที่มาปรึกษาเรื่องเรียนต่อสายสามัญหรือสายอาชีพ
เราต้องสะท้อนเขากลับไปค่ะว่าตอนนี้น้องยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าชอบอะไร ถนัดด้านไหน ชอบอะไรกันแน่ แล้วก็ถามเขาต่อว่าชอบเรียนอะไร อะไรที่ทำให้มีความสุข ทำแล้วรู้สึกว่าตัวเองเก่ง อะไรเป็นสิ่งที่ถนัด เพราะถ้าเราเก่งอะไร สิ่งนั้นจะพาเราไปถูกทาง แต่ถ้าเขาตอบมาว่าไม่ชอบเรียน ไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง เราก็จะแนะนำให้เขาไปคิดต่อว่า ถ้าไม่เรียนหนังสือรู้ใช่มั้ยว่าผลกระทบในการใช้ชีวิตในอนาคตเราจะมีทางเลือกน้อยกว่าคนอื่นๆ นะ เราต้องสู้ต้องแข่งขันมากกว่าคนอื่นแล้วเราจะได้ทำงานอะไรที่สามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ในอนาคต แล้วเราก็จะฟังเขาไปเรื่อยๆ ว่าน้องจะตอบคำถามตรงไหนได้บ้าง แล้วเราก็จะช่วยสรุปผลให้เขาค่ะ

ความประทับใจที่ได้มาเป็น Student Volunteer
อย่างแรกก็เป็นพี่ๆ มูลนิธิฯ เลยค่ะ ตอนแรกหนูคิดว่าพี่ๆ น่าจะดุ เข้มงวด ประมาณนี้ค่ะ พี่ๆ ทุกคน ช่วยหนูเยอะมาก สนับสนุนหนูทุกอย่างเลย มีคำถามก็ตอบได้ตลอดเลย อย่างที่สองก็เป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวันของน้องๆ นักเรียนทุน เวลาที่เราได้พูดคุย ได้สอบถาม ฟังดูเหมือนเวอร์ นะคะ แต่เวลาที่เราได้ฟังเรื่องราวของคนอื่นๆ ที่มีการใช้ชีวิตแตกต่างจากเรา เวลาได้เล่าสู่กันฟังทำให้เรามีความสุข เหมือนกับว่าเราได้ทำความรู้จัก ได้เพิ่มความรู้เกี่ยวกับนักเรียนต่างจังหวัด เขามีวิถีชีวิตยังไงค่ะ

อะไรคือความแตกต่างระหว่างนักเรียนต่างจังหวัดกับนักเรียนในเมือง
น้องๆ ทุกคนที่เราได้คุยเขาจะบอกตลอดเลยค่ะ หลังเลิกเรียนต้องไปช่วยแม่เลี้ยงไก่ ช่วยปลูกข้าวโพด ช่วยทำนา ช่วยกรีดยาง ฯลฯ แต่เราเองไม่เคยได้ทำงานอะไรแบบนี้เลย พอเราได้ฟังเขาเล่า ทำไมน้องเขาได้ คือเขาเก่งมากๆ เลยนะคะ ถ้าวัดจากเราเป็นบรรทัดฐาน น้องเขาเก่งกว่าเรามาก ถ้าให้เราไปทำงานแบบน้องๆ เราก็ทำไม่ได้ เราทำได้แค่ให้ความรู้กับน้อง เป็นเพราะเรามีความเก่งที่ต่างกัน การเรียนรู้ที่ต่างกัน แต่เราได้มาแบ่งปันกันเป็นอะไรที่ดีมากๆ เลยค่ะ

ให้ฝากถึงคนที่อยากเริ่มต้นทำงานอาสาสมัคร
ถ้าคิดแล้วว่าอยากทำ ลงมือทำเลยค่ะ เพราะผลเสียของการมาทำงานอาสาก็ยังไม่มีนะคะ เราแค่ไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่สิ่งที่จะได้กลับมาหลังทำงานอาสามันมีค่ามากกว่าเงินมากๆ เลยค่ะ ตัวหนูเองเคยไปอาสาทาสีให้วัดแห่งหนึ่ง ในวัดก็โรงเรียนอยู่ ตอนไปทามีน้องๆ เข้ามาดูเราทำงาน คุณครูเขาก็พูดว่า พี่ๆ มาช่วยทำให้สวยแล้วนะ เราได้เห็นรอยยิ้มน้องๆ ที่มีความสุข คือ เอาเงินไปซื้อก็ไม่ได้แบบนี้ อยากให้ลงมือทำเลยนะคะ ถ้าคิดจะทำอยู่แล้ว

ฝากถึงน้องๆ นักเรียนทุน
ดีใจนะคะ ที่ได้มาช่วยเหลือน้องๆ อาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องเงินทุนแต่ได้มาช่วยเรื่องการทำความเข้าใจ ให้น้องรักษาสิทธิของตัวเองในการรับทุนกับมูลนิธิฯ พี่ก็ดีใจมากๆ เลยที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาช่วยอีก ขอให้น้องๆ ตั้งใจเรียน รักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไปนะคะ

มูลนิธิฯ ขอขอบคุณน้องๆ อาสาทุกคนที่สละเวลามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
และขอบคุณทุกๆ คำแนะนำที่น้องๆ อาสาแนะนำมา
เพื่อช่วยให้มูลนิธิฯ นำไปพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขในงานครั้งต่อๆ ไป