“สินเชื่อ” คือการที่เราขอยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อที่จะได้รับเงินก้อนมาใช้จ่าย โดยธนาคารหรือสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อตามคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ขอ เรามีหน้าที่จะต้องชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในอนาคต

สินเชื่อมีกี่ประเภท

สินเชื่อสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามวัตถุประสงค์และเงื่อนไขการกู้ยืม โดยทั่วไปมีประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

1. สินเชื่อส่วนบุคคล
สินเชื่อที่ผู้กู้ยืมสามารถนำเงินไปใช้ตามความต้องการส่วนตัว เช่น ซื้อของใช้ จ่ายค่ารักษาพยาบาล หรือใช้ในกรณีฉุกเฉิน

2. สินเชื่อเพื่อการศึกษา
เงินกู้ที่ให้สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาเพื่อใช้จ่ายในการศึกษา เช่น ค่าเทอม ค่าหนังสือ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา

3. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
เงินกู้ที่ให้สำหรับการซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ มักจะมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานและดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้อื่น ๆ

4. สินเชื่อเพื่อรถยนต์
เงินกู้ที่ให้สำหรับการซื้อรถยนต์ใหม่หรือรถยนต์มือสอง โดยมีการผ่อนชำระเป็นรายเดือน

5. สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
เงินกู้ที่ให้สำหรับการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจ ใช้สำหรับการลงทุนในเครื่องจักร วัตถุดิบ หรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ

6. สินเชื่อบัตรเครดิต
การใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการ โดยผู้ถือบัตรจะต้องชำระคืนตามรอบบิล พร้อมดอกเบี้ยหากชำระไม่เต็มจำนวน

7. สินเชื่อเพื่อการซ่อมแซมบ้าน
เงินกู้ที่ให้สำหรับการปรับปรุงหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เช่น การต่อเติมบ้านหรือซ่อมแซมโครงสร้าง

8. สินเชื่อเงินสดทันใจ (Cash Advance)
เงินกู้ที่ให้ในลักษณะฉุกเฉินหรือเร่งด่วน โดยมักมีดอกเบี้ยสูงและระยะเวลาผ่อนชำระสั้น

9. สินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

เงินกู้ที่ต้องใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน เช่น บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ โดยผู้กู้จะได้รับวงเงินสินเชื่อที่สูงกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

10. สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
เงินกู้ที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป โดยมีวงเงินสินเชื่อและดอกเบี้ยที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

การเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้ ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจยืมเงิน

สินเชื่อคิดดอกเบี้ยอย่างไร

1.การคิดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) ตัวอย่างเช่น ทำสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์กับธนาคารแห่งหนึ่ง มูลค่า 100,000 บาท ธนาคารคิดดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี กำหนดระยะเวลาในการเช่าซื้อ 2 ปี หรือ 24 เดือน สัญญากำหนดให้น้องต้องชำระเงินแก่ธนาคารทุกเดือน จะต้องชำระเงินให้แก่ธนาคารเดือนละเท่าไร

ขั้นตอนการคำนวณ :
1.คำนวณดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา :
ดอกเบี้ยต่อปี = มูลค่าเงินกู้ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี
= 100,000 บาท x 3%
= 3,000 บาท

ดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา = ดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปี
= 3,000 บาท x 2 ปี
= 6,000 บาท

2.คำนวณยอดเงินที่ต้องชำระคืนทั้งหมด :
ยอดเงินที่ต้องชำระคืนทั้งหมด = เงินต้น + ดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา
= 100,000 บาท + 6,000 บาท
= 106,000 บาท

3.คำนวณยอดเงินที่ต้องชำระต่อเดือน :
ยอดเงินที่ต้องชำระต่อเดือน = ยอดเงินที่ต้องชำระคืนทั้งหมด / จำนวนเดือน
= 106,000 บาท / 24 เดือน
= 4,416.67 บาท

ดังนั้น ต้องชำระเงินให้แก่ธนาคารเดือนละ 4,416.67 บาท ตลอดระยะเวลา 24 เดือน

2.การคิดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) คือ เมื่อเงินต้นลดลง อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงไปตาม ซึ่งในการผ่อนชำระค่างวดแต่ละครั้งก็จะมีการคิดค่างวดที่แตกต่างกันออกไปตามจำนวนของเงินต้นที่เหลืออยู่ ตัวอย่างเช่น กู้เงินจากสถาบันทางการเงินแห่งหนึ่งเป็นจำนวน 20,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 24% ต่อปี มีกำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระอยู่ที่ 12 เดือน โดยมีการผ่อนชำระรายเดือนเป็นจำนวน 1,893 บาทเท่าๆ กันทุกเดือน ซึ่งจำนวน 1,893 บาท ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนนั้น จะถูกนำไปหักในส่วนของเงินต้นและอัตราดอกเบี้ย โดยสามารถคำนวณจำนวนที่นำไปหักในส่วนของดอกเบี้ยได้ ดังนี้

1.คำนวณอัตราดอกเบี้ยต่อเดือน :
อัตราดอกเบี้ยต่อปี = 24%
อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน = 24% / 12 เดือน
= 2% ต่อเดือน

2.คำนวณดอกเบี้ยและเงินต้นในแต่ละเดือน :
ในแต่ละเดือน ยอดชำระรายเดือนจะถูกแบ่งเป็นส่วนที่ชำระดอกเบี้ยและส่วนที่ชำระเงินต้น ยอดดอกเบี้ยจะคำนวณจากยอดเงินต้นที่เหลืออยู่ในขณะนั้น

เดือนที่ 1 :

  • ดอกเบี้ยเดือนที่ 1 = ยอดเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน = 20,000 x 2% = 400 บาท
  • ส่วนที่ชำระเงินต้น = ยอดผ่อนชำระรายเดือน – ดอกเบี้ยเดือนที่ 1 = 1,893 – 400 = 1,493 บาท
  • เงินต้นคงเหลือ = ยอดเงินต้น – ส่วนที่ชำระเงินต้น = 20,000 – 1,493 = 18,507 บาท

เดือนที่ 2 :

  • ดอกเบี้ยเดือนที่ 2 = ยอดเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน = 18,507 x 2% = 370.14 บาท
  • ส่วนที่ชำระเงินต้น = ยอดผ่อนชำระรายเดือน – ดอกเบี้ยเดือนที่ 2 = 1,893 – 370.14 = 1,522.86 บาท
  • เงินต้นคงเหลือ = ยอดเงินต้น – ส่วนที่ชำระเงินต้น = 18,507 – 1,522.86 = 16,984.14 บาท

เดือนที่ 3 :

  • ดอกเบี้ยเดือนที่ 3 = ยอดเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน = 16,984.14 x 2% = 339.68 บาท
  • ส่วนที่ชำระเงินต้น = ยอดผ่อนชำระรายเดือน – ดอกเบี้ยเดือนที่ 3 = 1,893 – 339.68 = 1,553.32 บาท
  • เงินต้นคงเหลือ = ยอดเงินต้น – ส่วนที่ชำระเงินต้น = 16,984.14 – 1,553.32 = 15,430.82 บาท

สามารถทำต่อเช่นนี้จนครบ 12 เดือน เพื่อหาจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละเดือนว่าจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยแบ่งออกอย่างไร

ก่อนจะขอสินเชื่อ ควรศึกษาข้อมูลสินเชื่อกับทางเจ้าหน้าธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ให้ละเอียด เปรียบเทียบเงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยจากหลายๆ ธนาคารหรือสถาบันการเงิน หลีกเลี่ยงสินเชื่อนอกระบบ หรือเงินกู้รายวัน และจะต้องประเมินก่อนว่าเราสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเงินตามมาในภายหลัง

Daily Views: 2Total Views: 235