การมีธุรกิจส่วนตัวเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคนที่ต้องการมีอิสรภาพทั้งการเงินและเวลา แต่การทำธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่คิดจะทำต้องบริหารเป็น นี่คือคำตอบของ สีนวน แสงอรุณ เด็กสาววัย 18 ปี ชาวชนเผ่าไทยใหญ่ที่ครอบครัวประกอบอาชีพปลูกผักส่งขายให้กับโครงการหลวง

“ธุรกิจปลูกผักของครอบครัวเราลงทุนร่วมกับเจ้าของสวนคนละครึ่ง” สีนวนอธิบาย “เขาลงทุนที่ดิน ส่วนเราลงแรงปลูก ซื้อปุ๋ย ยากำจัดแมลง มีรายได้จากการส่งผักขายประมาณ 60,000 ต่อเดือน เงินที่ได้ก็แบ่งครึ่งหนึ่งให้เจ้าของสวน อีกส่วนหนึ่งแบ่งญาติๆ และอีกส่วนหนึ่งหักส่วนของต้นทุน ก็แทบจะไม่เพียงพอซึ่งทำให้ธุรกิจของเรามีความเสี่ยง แต่ถ้าได้การบริหารที่ดีและเป็นธุรกิจของเราเองคนเดียวจริงๆ ก็จะดีกว่าอยู่แล้ว” แต่ครอบครัวของเธอที่ประกอบไปด้วยสมาชิกกว่า 20 คน ก็ทำมาจนถึงวันนี้

สวนผักของสีนวน

สีนวนช่วยครอบครัวปลูกผักตั้งแต่เรียนชั้น ป.3 เธอบอกว่า… ผ่านมากี่ปีแล้วไม่รู้ แต่ธุรกิจของครอบครัวก็ไม่ได้แข็งแกร่งขึ้น ผลผลิตที่ถูกส่งออกไปเป็น “ผักคะน้า” วางขายในโครงการหลวงอย่างต่อเนื่อง หน้าที่หลักของสีนวนในตอนนั้นคือ เพาะผัก หยอดเมล็ด รดน้ำ ตัดผัก แต่เพราะสมาชิกครอบครัวมีจำนวนมาก หน้าที่เหล่านี้จึงมีคนมาทำแทนเธอ

“มีญาติๆ หลายคนมาช่วยกันปลูกผัก ทำให้หนูไม่มีงาน ช่วงเรียน ป.6 เลยไปทำงานในร้านอาหาร รับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน ทำงานจนเรียนถึง ม.6 ประสบการณ์ที่ได้คือ ความอดทน ที่สำคัญได้เรียนรู้ด้านการบริหาร จนเข้าใจว่าถ้าการบริหารที่ดีจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของธุรกิจมาก จึงตัดสินใจเลือกเรียนคณะบริหาร เพื่อจะนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในธุรกิจของครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องการบริหารคนและการบริหารเงิน เพราะยิ่งใช้แรงคนจำนวนเยอะ ก็ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ และที่ผ่านมาธุรกิจปลูกผักขายที่ครอบครัวทำก็ขาดทุนมาโดยตลอด”

ปักหมุดธุรกิจขายผักส่งออก

สิ่งหนึ่งที่สีนวนมีก็คือ การรู้จักตัวตนอย่างชัดเจน ทำให้เติบโตโดยมีเป้าหมาย นั่นคือจะร่ำเรียนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อกลับมาบริหารธุรกิจปลูกผักของที่บ้านให้ดีที่สุด เป้าหมายสูงสุดของสีนวน คือ “ส่งผักออกไปขายต่างประเทศ” เล่าถึงตรงนี้ สีนวนอธิบายแทรกเล็กน้อยว่า การที่ครอบครัวของเธอส่งผักให้โครงการหลวงมาตลอด นั่นหมายถึง ผักของเรามีคุณภาพสูง จึงคิดว่าสามารถส่งไปขายต่างประเทศได้ ซึ่งจะเป็นช่องทางการขยายธุรกิจของครอบครัวที่ดีอีกช่องทางหนึ่ง

มหาวิทยาลัยโลกใบใหม่

สีนวนเป็น “นักเรียนทุนยุวพัฒน์” ได้รับทุนการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนเรียนจบชั้น ม.6 (จบการศึกษาในเดือนมีนาคม 2567) เธอเล่าว่า… ช่วงที่ตัดสินใจขอทุน ธุรกิจปลูกผักเกิดปัญหารายได้ไม่พอ แม่ไม่ต้องการให้สีนวนเรียนต่อ เพราะไม่เข้าใจว่าเรียนสูงๆ ไปเพื่ออะไร ครูจึงแนะนำให้เธอขอทุนการศึกษาจนเธอมีโอกาสได้เรียนต่อและวันนี้สีนวนจบการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว และกำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอีกในไม่ช้า ซึ่งคือจุดเริ่มของการเรียนรู้โลกที่กว้างขึ้นในคณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชีและบริหาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

สีนวนยืนยันว่าจะตั้งใจเรียนเพื่อนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับธุรกิจครอบครัว ไม่เพียงแค่ประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่เธอจะเก็บเกี่ยว สีนวนบอกว่าจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหมือนเดิม

“เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็จะหางานทำเหมือนเดิม เพราะชอบทำงาน ภูมิใจมากเวลาได้เงินที่มาจากแรงกายของตัวเอง ระหว่างที่รอไปเรียนก็คิดว่าจะหันมาขายเครื่องประดับในออนไลน์มากขึ้น”

คุณค่าของการบริหาร

ด้วยวุฒิภาวะที่ยังอยู่ในช่วงวัยเรียนบวกกับการได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตจากการออกไปทำงาน จึงทำให้สีนวนรู้คุณค่าของการบริหาร สีนวนเริ่มจากมีแนวคิดในการบริหารเงิน วางแผนการออม รู้วิธีจัดการเงินที่ดี ซึ่งช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีจากการใช้เงินในชีวิตประจำวันมากขึ้น

“หนูเริ่มสนใจการบริหารเงินตั้งแต่หางานทำ ตอนแรกบริหารเงินไม่เก่ง ก็เรียนรู้จาก YouTube มาตลอด และรู้ว่าต้องแบ่งเงินออกเป็นสามส่วน คือ 10% นำไปออม 20% ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น อีก 70% แบ่ง 35% ใช้ในชีวิตประจำวัน อีก 35% ใช้ซื้อของที่อยากได้ ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองบริหารเงินได้ และเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้น”