มุก ศิริวรรณ กระจาย อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ จากนักเรียนต่างจังหวัด เข้าสู่เมืองกรุงเพื่อมาเรียนรู้ มาหาโอกาสของเส้นทางการเรียนและการทำงานในอนาคต แต่เมื่อมาเจอวิกฤตสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ทุกคนต้องเจอโรคระบาดโควิด 19 ทำให้ “มุก” ต้องหวนกลับคืนบ้านเกิด มุ่งมั่นหาโอกาสจนได้ทำงานในสิ่งที่รัก และได้อยู่กับคนที่รักในบ้านเกิดของตัวเอง
…ถ้าได้เรียน ในสิ่งที่ชอบ
จะมีความตั้งใจ และทุ่มเทที่จะทำ…
มุกเติบโตและเรียนอยู่ที่จังหวัดระยองจนถึงชั้นมัธยมฯ ตั้งแต่เด็กๆ เธอชอบเรียนรู้ด้านศิลปะ ชอบวาดภาพ ชอบปั้นดินน้ำมัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร และด้วยอาชีพในฝันของเด็กๆ โดยส่วนใหญ่ก็อยากจะเป็นคุณครู หมอ พยาบาล ทหาร ตำรวจ แต่ด้วยตอนเด็กๆ นั้น เธอเองก็ไม่ได้รู้จักอาชีพมากนัก และด้วยอิทธิพลจากสิ่งรอบตัวและสังคมที่อยู่ ก็มีผลต่อความคิดความฝันของเธออย่างมาก ทำให้ความฝันของมุก ณ ตอนนั้น อยากจะเป็นคุณครู แต่ด้วยความชอบศิลปะมากๆ จึงอยากเป็นคุณครูสอนศิลปะ
เมื่อโตขึ้นจนมาถึงช่วงมัธยมปลาย มุกได้รับทุนการศึกษายุวพัฒน์จึงทำให้ได้เรียนต่อ เธอกล่าวว่าทุนนี้มาช่วยแบ่งเบาภาระของที่บ้านได้เยอะมาก แล้วการตัดสินใจที่สำคัญในตอนนั้นของเธอ คือการต้องเลือกเส้นทางสายการเรียนต่อ ตอนนั้นมุกเองก็ยังไม่มั่นใจในสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่อยากเป็นเท่าไหร่ จึงเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ เพราะสามารถไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้หลากหลายสาขามากกว่า และเมื่อเธอได้เรียนรู้ และได้รับการแนะแนวเส้นทางอาชีพมากขึ้น ความฝันของเธอก็เปลี่ยนไป มุกอยากทำงานด้านสายศิลปะ จากความชอบในวัยเด็ก รู้สึกว่าอยากเรียนรู้และทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ ตอนแรกเธอรู้สึกเสียดายความรู้ในสายวิทย์ที่เรียนมา แต่เมื่อได้รู้ความชอบที่ชัดเจนก็ไม่ลังเลที่จะเลือกเรียนต่อในทางที่ตัวเองชอบ เพราะเธอคิดว่าถ้าได้เรียนในสิ่งที่ชอบ เธอจะมีความตั้งใจและทุ่มเทที่จะทำ และอีกอย่างเธอคิดว่าการมาเรียนที่กรุงเทพฯ จะทำให้มีโอกาสที่มากกว่า เดินทางสะดวกสบายคล่องตัวกว่า จึงได้ตัดสินใจสอบและเรียนสาขานิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
การเดินทางและการเรียนรู้
เมื่อได้มาเรียน มุกได้เรียนรู้ในสายการเรียนด้านนิเทศศิลป์ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งงานปั้น งานด้านประติมากรรม ถ่ายภาพ การเขียนและออกแบบ ออกแบบ Packaging งานกราฟิก ทำ VDO ตัดต่อ MV ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมุกรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้หลายๆ อย่างและเน้นการปฏิบัติจริง ได้ทำผลงานเป็นของตัวเอง มีการนำเสนองาน จัดนิทรรศการต่างๆ จนเธอรู้สึกเหมือนอาจารย์เป็นลูกค้า ที่เมื่อเธอได้รับโจทย์มาก็ต้องนำโจทย์นั้นมาตีความและออกแบบเป็นงานศิลป์ เป็นภาพมานำเสนอให้ลูกค้าถูกใจ รู้สึกท้าทายและสนุกที่ได้ลองทำหลายๆ อย่าง เมื่อเรียนจบเธอก็คิดว่าจะหาโอกาสหางานในกรุงเทพฯ ในด้านที่ได้เรียนมา มีความฝันที่อยากจะทำกราฟิก อยากเห็นผลงานที่ตัวเองทำเป็นป้ายใหญ่ๆ ที่คนอื่นจะได้เห็นได้ชื่นชมผลงาน หรือทำงานเบื้องหลัง ศิลปะเบื้องหลัง การตัดต่อ VDO เป็นฝ่ายภาพ ฝ่ายทำอุปกรณ์เบื้องหลังต่างๆ
แต่ตอนเรียนจบเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 ซึ่งในเมืองก็เกิดความวุ่นวาย หลายสิ่งหยุดชะงักจากเหตุการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น มุกจึงตัดสินใจที่จะย้ายกลับบ้านไปตั้งหลัก ไปอยู่กับครอบครัวก่อน
โอกาสที่ได้รับกับเส้นทางการทำงานที่รัก
เมื่อได้กลับมาอยู่ที่บ้าน มุกมีโอกาสเริ่มงานแรกจากการแนะนำของเพื่อนที่รู้จักกัน คือการไปทำงานที่ร้านออกแบบป้ายใกล้ ๆ บ้าน ในช่วงแรกทำงานเป็นออนไลน์ เพราะอยากทำงานไปด้วยและได้ดูแลคนที่บ้านด้วย งานที่เธอได้เริ่มทำ คือ การออกแบบป้าย ทำป้ายให้ตรงกับโจทย์ที่ได้รับ เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ก็ได้ทำเป็นงานประจำ มาดูแลร้าน รับงานจากลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้าน งานที่ทำถือว่าได้นำความรู้ความสามารถที่เรียน ที่ตัวเองชอบมาใช้ ซึ่งสิ่งที่มุกชอบในงานแน่นอนว่าเป็นการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ที่สำคัญ คือ เมื่อทำงานสำเร็จได้เห็นผลงานที่เกิดจากการออกแบบของตัวเอง ทำให้มุกรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมาก และเพื่อนจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ เพราะการแนะนำของเขาทำให้มุกได้มีโอกาสทำตามความฝัน เพราะการมีเพื่อนที่ดีจะช่วยให้ชีวิตของเราเดินไปบนเส้นทางที่ดีด้วย
ความฝันในเส้นทางอนาคต
แม้ว่าตอนนี้จะได้ทำงานที่ชอบ ได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้มา แต่ความฝันของเธอไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เธอมีความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง ได้ออกแบบงาน ซึ่งโจทย์มาจากตัวเธอเอง ตอนนี้จึงวางแผนที่จะออกแบบสติกเกอร์เป็นลวดลายเทศกาลต่างๆ เช่น คริสต์มาส วาเลนไทน์ ขายผ่านทางออนไลน์ ขายในร้านของตัวเอง อยากออกแบบกราฟิก การเข้าเล่มหนังสือ ถ้าเธอมีร้านของตัวเองสิ่งที่ทำและผลงานที่ออกมาก็เป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบและความทุ่มเททำในสิ่งที่รักนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็เป็นแผนในอนาคตที่เธออยากจะทำให้สำเร็จ
นอกจากความฝันของตัวเองแล้ว มุกรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ตัดสินใจกลับบ้าน ได้มาใช้เวลาอยู่กับครอบครัว มาดูแลคนที่รัก รู้สึกสบายใจ และมีความสุข มีโอกาสกลับมาช่วยงานสวนที่บ้านด้วย แม้รายได้อาจจะไม่ได้มากมายนักถ้าเทียบกับการได้ทำงานในเมืองใหญ่ แต่เธอก็มีความสุขที่ได้อยู่บ้าน ได้ทำเพื่อคนที่รัก มีกำลังใจตื่นมาตอนเช้าแล้วได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว
มุกทิ้งท้ายไว้ว่า… ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หรือทำไม่ได้ ถ้าเราตั้งเป้าหมายไว้แล้วหรือมีสิ่งที่อยากทำ ขอให้ลงมือทำ ไม่ต้องรอให้พร้อมสมบูรณ์แบบ วันนี้ทำอะไรได้ก็ทำสิ่งนั้น เพราะถ้าได้เริ่มทำแล้วผลที่จะเกิดขึ้นมีได้สองอย่าง คือ “ทำสำเร็จ” กับ “พัฒนาต่อไป” แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำก็มีเพียงคำตอบเดียว คือ “ไม่สำเร็จ” แต่ถ้าได้ลองทำแล้วไม่ได้ เราก็จะได้รู้และพัฒนาตัวเองต่อหรือหาหนทางอื่นต่อไปได้
นี่คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการความร่วมมือของทุกๆ คนในสังคมที่มาร่วมกันมอบโอกาส เพราะทุนการศึกษาที่ทุกท่านมอบให้ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆ หนึ่งได้ ไ่ม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการศึกษา โอกาสในการเรียนรู้ โอกาสในการพัฒนาตนเอง มาร่วมสนับสนุนเยาวชนขาดโอกาสในการทำความฝันของตัวเองให้เกิดขึ้นจริง ให้พวกเขามีโอกาสเติบโตเป็น “พลเมืองคุณภาพ” ของประเทศชาติต่อไป
สนใจร่วมเดินทางไปกับมูลนิธิยุวพัฒน์
กับภารกิจ “มอบโอกาส” ผ่านโครงการต่างๆ
E mail : ybf@ybf.premier.co.th
Lineo Official Account : https://lin.ee/di3tEQD
เปิดทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
(หยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)