หนูไม่เคยคิดว่าการเป็นคนยากจนหรือขาดโอกาส จะทำให้รู้สึกท้อแท้ เพราะหนูผ่านปัญหามาเยอะ ขนาดพ่อแม่ที่ต้องกลับเมียนมาร์ ทำให้ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองก็ผ่านมาแล้ว แม้แต่โควิดที่ทำให้ไม่มีงาน ไม่มีเงิน หนูก็จะพยายามหางานทำและเรียนหนังสือต่อไป
ในปีนี้ทุกคนคงจะได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะที่เกิดจากโรคระบาดโควิด-19 แน่นอนว่ายิ่งทำให้ช่องว่างแห่งความไม่เท่าเทียมเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นมาอีก โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เติบโตมาในครอบครัวยากจน พวกเขาจะเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้ไหม แล้วจะทำอย่างไรให้เด็กๆ ในกลุ่มเสี่ยงไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา
วันนี้มีเรื่องราวของเด็กสาวชาวเมียนมาร์คนหนึ่ง เธอชื่อ “น้องอำพร” หรือ “พร” พ่อและแม่ของเธอเข้ามาทำงานในประเทศไทยนานกว่า 20 ปี จนน้องพรได้เกิดบนแผ่นดินนี้ เธอเติบโตและเรียนที่นี่ตั้งแต่อนุบาล ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี
เธอและครอบครัวใช้ชีวิตในเมืองหลวงเรื่อยมาจนช่วงที่อยู่ชั้น ป.6 ครอบครัวเริ่มลำบากมากขึ้น น้องพรจึงตัดสินใจขอทุนการศึกษาจากมูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อลดภาระของพ่อแม่ แม้จะไม่ค่อยมั่นใจว่าจะได้ทุนหรือเปล่าแต่ก็ขอให้ได้ลงมือทำ
“กังวลเหมือนกันค่ะว่าจะไม่ได้ทุน แต่ก็พยายามคิดบวก เพราะหนูเชื่อว่าถ้าเราคิดในแง่ดีไว้ ก็จะเกิดสิ่งดีๆ ตามมาและก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หนูได้รับทุนซึ่งทำให้พ่อแม่มีความสุขมาก” น้องพรพูดด้วยน้ำเสียงดีใจราวกับว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ และที่สำคัญ คือ ความฝันตั้งแต่วัยเด็กที่อยากเป็น “สถาปนิก” โดยมีแรงบันดาลจากการที่พ่อทำอาชีพก่อสร้าง ก็ดูจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง
เหมือนจะไปได้ด้วยดี แต่ชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ช่วงที่น้องพรขึ้นชั้น ม.5 พ่อกับแม่ต้องย้ายกลับไปอยู่ที่เมียนมาร์ ชีวิตที่มาพร้อมความเศร้าและความโดดเดี่ยวนี้อาจจะทำให้รู้สึกน้อยใจ “แต่ชีวิตก็แบบนี้แหละ…ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้” เธอบอกกับตัวเอง
น้องพรเริ่มหารายได้เสริมหลังเลิกเรียน ด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร ทามไลน์ชีวิตของเธอมีแค่ ตื่นเช้าไปเรียน – ทำงาน – สี่ทุ่มกลับห้องพัก – ทำการบ้านจนเที่ยงคืนแล้วก็พักผ่อน วนเวียนแบบนี้ทุกวัน จนมีความคิดแล่นเข้ามาในหัวว่าอยากจะลาออกจากโรงเรียน แต่โชคดีที่เป็นคนมุ่งมั่นและรู้จักพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เอาจุดด้อยมาเป็นแรงผลักดันให้กลับมาตั้งใจเรียนหนังสือต่อ
แต่ชีวิตคนเรามักมีเรื่องบีบหัวใจอยู่บ่อยๆ น้องพรก็เช่นกัน เพราะตอนนี้ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วที่ว่างงาน เนื่องจากร้านอาหารที่ทำอยู่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงต้องให้หยุดพักการทำงานไปก่อน ซึ่งก็ทำให้ขาดรายได้ที่จำเป็น ทั้งค่าห้องพักและการกินอยู่ แต่น้องพรก็ยังเดินหน้าหางานเสริมอื่นๆ ไปเรื่อยๆ เพราะ “โควิดทำอะไรเธอไม่ได้”
“สู้ค่ะ เอาจริงๆ หนูไม่เคยคิดว่าการเป็นคนยากจนหรือขาดโอกาส จะทำให้รู้สึกท้อแท้ เพราะหนูผ่านปัญหามาเยอะ ขนาดพ่อแม่ที่ต้องกลับเมียนมาร์ ทำให้ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองก็ผ่านมาแล้ว แม้แต่โควิดที่ทำให้ไม่มีงาน ไม่มีเงิน หนูก็จะพยายามหางานทำและเรียนหนังสือต่อไป”
มาถึงตรงนี้ถ้าคุณรู้สึกว่า ชีวิตช่วงนี้มันชักจะสับสน หนักหน่วงเกินจะรับไหว อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะชีวิตที่มีอุปสรรค มักจะทำให้เราแกร่งขึ้น และมีคุณค่ามากขึ้น น้องอำพรทิ้งท้ายเอาไว้
“หนูขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนและขอขอบคุณคนใจดีที่ให้ทุนการศึกษา หนูจะตั้งใจเรียนให้จบและใช้เงินอย่างคุ้มค่าค่ะ”
บทสนทนาระหว่าง “น้องอำพร” เด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้จบลง เธอคือหนึ่งในนักเรียนทุนกว่า 9,000 คน ที่มูลนิธิยุวพัฒน์ดูแลและให้ทุนการศึกษาต่อเนื่อง ในประเทศไทย ยังมีเด็กยากจนกว่า 1.7 ล้านคน ที่ยังขาดโอกาสในชีวิตเพราะความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หากคุณเห็นเหมือนกันว่าการมอบโอกาสทางการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาร่วมกันทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เด็กๆ ในประเทศของเรามีอนาคตที่สดใส
“หนูขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนและขอขอบคุณคนใจดีที่ให้ทุนการศึกษา หนูจะตั้งใจเรียนให้จบและใช้เงินอย่างคุ้มค่าค่ะ”
ชวนผู้ใหญ่ใจดีใช้โอกาสในวันสำคัญ
ทางพระพุทธศาสนา (วันมาฆบูชา)
มาร่วมกันสนับสนุนทุนการศึกษา
ให้กับเด็กๆ ได้เรียนหนังสือต่อ
และเนื่องในโอกาส “วันมาฆบูชา” ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา และยังถือว่าเป็น “วันแห่งความรัก”…ความรักนั้นไม่ได้มีเพียงความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก อาจารย์กับศิษย์ เพื่อนกับเพื่อน รวมไปถึงความรักที่มนุษย์พึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน และในวันนี้ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” ขึ้น เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศหลักธรรมคำสอนแห่งพุทธศาสนา ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยการส่งเสริมให้ตั้งมั่นในการทำความดี ละเว้นการทำบาป ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน และสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว สอนให้รู้จักรักและเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ “วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก”
ชวนผู้ใหญ่ใจดีใช้โอกาสในวันสำคัญดีๆ แบบนี้ มาร่วมกันสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ มอบแสงสว่างแห่งปัญญา มอบความรัก มอบความปรารถนาดี ด้วยการมอบโอกาสทางการศึกษาให้พวกเขาได้เรียนหนังสือต่อจนจบ ม.6 หรือ ปวช.3 ให้พวกเขามีโอกาสศึกษาเล่าเรียนและพัฒนาศักยภาพของตนเองไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพต่อไป
ร่วมบริจาคส่งน้องเรียน สร้างเด็กดี
ชื่อบัญชี มูลนิธิยุวพัฒน์
ธนาคารกสิกรไทย สาขาซีคอนสแควร์
095-2-15120-7
(ต้องการใบเสร็จ กรุณาส่งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์มือถือ และสลิปเงินโอนเงินบริจาค มาที่ Line แอดไอดี : @BOS9702T)
บริจาคผ่านปันบุญ QR Code
(e-Donation)
สแกน QR Code ผ่าน Mobile Banking
ชื่อผู้บริจาคและชื่อผู้ลดหย่อนภาษี
จะเป็นชื่อเจ้าของบัญชีที่ชำระเงิน
ด้วย QR Code เท่านั้น
เงินบริจาค 100% ของทุกคนที่สมทบจะนำไปจัดสรรเป็นทุนให้กับนักเรียนที่ขาดโอกาส
ร่วมบริจาคทุนการศึกษาให้โอกาสกับเด็กขาดโอกาส
สอบถามรายละเอียด ได้ที่ 02 301 1437 | 02 301 1022
E mail : ybf@ybf.premier.co.th หรือ Line@ ID : @BOS9702T
เปิดทำการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
(หยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)